เมื่อน้องหมาไปผ่าตัด

การใช้ยาชานั้นจะเลือกใช้เฉพาะที่ซึ่งจะไม่มีผลกระทบต่อส่วนอื่นของร่างกาย ยากจะออกฤทธิ์ในตำแหน่งที่ต้องการ ในขณะที่น้องหมายังรู้สึกตัวตามปกติ

  ดูแล้วจะปลอดภัยกว่าการวางยาสลบ ที่ระบบสำคัญของร่างกายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบประสาท ระบบหลอดเลือดและหัวใจ ระบบหายใจจะถูกกดการทำงาน

  หากน้องหมามีสภาพร่างกายไม่แข็งแรง ไม่พร้อมต่อการวางยาสลบ หรือมีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิต ก็อาจเกิดผลกระทบหรืออันตรายได้ง่าย การใช้ยาระงับความรู้สึก

  เฉพาะที่จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า เช่น ในกรณีผ่าคลอด หากใช้การวางยาสลบทั่วร่างกาย หรือก็คือการทำให้แม่หมาหลับไปก็มักจะมีผลต่อลูกทำให้ลูกหยุดหายใจได้

  แต่ถ้าเป็นการบล็อกหลัง ซึ่งก็คือการใช้ยาชาฉีดเข้าเหนือไขสันหลัง ทำให้ลำตัวส่วนท้ายหมดความรู้สึก หมอก็สามารถผ่าตัดนำลูกหมาออกมาได้โดยแม่หมาไม่เจ็บ

  แต่ยังรุ้สึกตัวอยู่ ถึงแม่การบล็อกหลังจะดูมีความปลอดภัยต่อตัวแม่หมาและลูกหมามากกว่า แต่ในบางกรณีก็อาจจะต้องเลือกใช้การวางยาสลบทั่วร่างกาย เช่น

  กรณีที่แม่หมาเป็นหมาโหด ตื่นเต้นมาก กระวนกระวาย เพราะแม้ว่าจะไม่มีความรุ้สึกส่วนท้าย แต่ส่วนหน้าของร่างกายแม่หมายังตื่นเต้น ตะกุยขาไปมา ส่ายหัว

  ก็น่าจะทำให้เกิดอาการเครียดทั้งน้องหมาและตัวคุณหมอที่ผ่าเอง แต่ทั้งนี้ก็ยังขึ้นอยุ่กับความชำนาญในการเลือกวีธีระงับความรู้สึกของคุณหมอแต่ละท่านด้วย ว่าถนัดแบบใหนมากกว่ากัน คิดว่าแบบใหน วิธ๊ใดจะปลอดภัยและเหมาะสมที่สุดต่อน้องหมา ก็ต้องมีการปรึกษาระหว่างคุณหมอและเจ้าของก่อนการผ่าตัด อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการใช้ยาชาจะดูค่อนข้างปลอดภัยกว่าวิธีอื่น แต่ก็อาจจะพบอาการที่ไม่พึงประสงค์จากการใช้ยาได้เช่นกัน เช่น การแพ้ยา หัวใจเต้นผิดจังหวะ ความดันต่ำ

กล้ามเนื้อเกี่ยวกับการหายใจเป็นอัมพาต เกิดเลือดออกหรือฝีในบริเวณที่ฉีดเป็นต้น

( คัดลอกมาจากหนังสือ DogaZine )